บันทึกการเรียนรู้ ➤ ครั้งที่ 13
วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ.2561
เวลา 08.30-11.30น.
ความรู้ที่ได้รับ
ในการเรียนการสอนสำหรับวันนี้ก่อนจะเข้าเนื้อหาอาจารย์ได้พูดเรื่องทั่วๆไปก่อน อย่างเช่น เรื่องรับน้องต่างๆ บอกงานที่จะส่ง วันที่จะสอบปลายภาค และในวันนีเพื่อนๆมาน้อยมากเนื่องจากบางคนก็ได้กลับบ้านก่อนวันสงกรานต์
อาจารย์บาสได้ให้ดาวเด็กดีคนละ 1 ดวงที่มาเรียนในวันนี้และอีก 1 ดวงที่ไปสำนักงานอัยการสูงสุด★★★★★★★★★★★★★★★😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃😂😂😂😂😂😄😄😄😁😁😁😁
อาจารย์บาสได้ให้ดาวเด็กดีคนละ 1 ดวงที่มาเรียนในวันนี้และอีก 1 ดวงที่ไปสำนักงานอัยการสูงสุด★★★★★★★★★★★★★★★😃😃😃😃😃😃😃😃😃😃😂😂😂😂😂😄😄😄😁😁😁😁
ใบเช็คเวลาเรียน
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ได้ให้นำเสนอบทบาทสมมติของแต่ละกลุ่มเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยง
วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็ก จัดได้ 4 วิธี
💜วิธีที่ 1 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบความรักความอบอุ่นแบบประชาธิปไตย
💛วิธีที่ 2 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบคาดหวังเอากับเด็ก
💚วิธีที่ 3 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบปล่อยปละละเลย
💚วิธีที่ 4 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบรักถนอมมากเกินไป
วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็ก จัดได้ 4 วิธี
💜วิธีที่ 1 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบความรักความอบอุ่นแบบประชาธิปไตย
💛วิธีที่ 2 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบคาดหวังเอากับเด็ก
💚วิธีที่ 3 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบปล่อยปละละเลย
💚วิธีที่ 4 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบรักถนอมมากเกินไป
👯กลุ่มที่ 1 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบคาดหวังเอากับเด็ก
สรุป
1.เคี่ยวเข็ญให้ลูกทำตามสิ่งที่พ่อแม่เห็นว่าดีเท่านั้น
2.มักจะดุด่าว่ากล่าวเมื่อเวลาที่ลูกอธิบายหรือแสดงเหตุผลคัดค้าน
3.กำหนดรายการอาหารทุกมื้อแก่ลูก และลูกต้องกินหมดทุกครั้ง
4.กำหนดวิธีการดำรงชีวิตตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็นการกิน การเล่น การเที่ยว ขึ้นอยู่กับพ่อแม่
ผลของการเลี้ยงลูกแบบคาดหวังเอากับเด็ก เด็กจะมีลักษณะดังนี้
- ลูกจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ปรับตัวกับสังคมภายนอกได้ยาก
- ไม่มีความมั่นใจในตนเอง
- ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง
- ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- ชอบพึ่งพาผู้ใหญ่
👯กลุ่มที่ 2 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบปล่อยปละละเลย
สรุป
1.ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของลูก ลูกจะเลนอะไร อย่างไร พ่อแม่ไม่เคยเอาใจใส่
2.เวลาพ่อแม่อารมณ์ไม่ดี มักจะระบายออกด้วยการทำโทษเด็กเสมอ
3.เวลาลูกถามมักพูดว่า “อย่ามากวนใจ ไปให้พ้น”
4.ชอบพูดขู่ลูกเสมอเวลาลูกเล่นซน ถ้าเด็กไม่กลัวก็จะตีลูกอย่างรุนแรง
5.ปล่อยให้ลูกทำอะไรต่าง ๆ ตามใจชอบ ไม่ค่อยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมให้
6.มักรักลูกไม่เท่ากัน โดยปฏิบัติตนกับลูกอย่างลำเอียง
ผลของการอบรมเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย เด็กจะมีลักษณะดังนี้
- ลูกจะมีลักษณะก้าวร้าว ชอบทะเลาะเบาะแว้วกับผู้อื่นบ่อย ๆ
- มีทัศนคติไม่ดีต่อพ่อแม่ บางครั้งถึงกับเกลียดชังพ่อแม่ตัวเอง ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่
- ลูกมีอาการเซื่องซึม ไม่สามารถปรับตัวได้ง่าย มีความตึงเครียดทางอารมณ์
👯กลุ่มที่ 3 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบความรักความอบอุ่นแบบประชาธิปไตย
สรุป
เป็นการอบรมเลี้ยงดูลูก ซึ่งได้แก่ ความรัก ความเอาใจใส่ ความเข้าใจ ต้องใช้เหตุผลกับลูกให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติด้านความยุติธรรม และไม่ใช้เพียงแต่ให้ความรักอย่างเดียว ต้องให้ความสำคัญแก่ลูก โดยถือว่าลูกคือส่วนสำคัญต่อครอบครัว พ่อแต้องให้ในสิ่งที่ลูกต้องการจริง ๆ
หลักการอบรมเลี้ยงดูแบบนี้พ่อแม่จะทำได้คือ
1.พ่อแม่ให้สิทธิแก่ลูกในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวให้เขาเป็นตัวเองให้มากที่สุด จะต้องไม่คิดแทนลูก ฝึกให้เขาทำได้คิดตัวเอง
2.พ่อแม่มีหน้าที่ให้สิ่งต่าง ๆ ตรงกับพัฒนการตามความต้องการเหมาะสม และความสามารถทางร่างกาย
3.พ่อแม่ควรต้องเอาใจใส่ ต่อควาทคิดเห็นของลูก สนใจกิจกรรมต่าง ๆ ของลูก ให้คำแนะนำ สิ่งเสริมและเฝ้าดูผลสำเร็จในงานของลูกด้วยความตั้งใจและอดทน
4.พ่อแม่ควรมีเวลาใกล้ชิดลูก และทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของลูก ให้คำแนะนำมากกว่าการออกคำสั่งให้ทำควรเลี้ยงลูกแบบประชาธิปไตยไม่ใช่เผด็จการ เพราะจะช่วยให้เด็กได้เติบโตอย่างมีอิสระตามพัฒนาการขั้นต่างๆ
5.พ่อแม่ควรใช้แรงเสริมเป็นตัวสร้างบุคลิกภาพของเด็กตามที่ต้องการจะให้เด็กเป็น พ่อแม่จะต้องเป็นแบบอย่างโดยแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมให้ลูกเห็นอย่างเด่นชัด
6.พ่อแม่ควรส่งเสริมความเป็นคนมีสุขภาพจิตที่ดีให้แก่ลูก โดยให้อิสระแก่ลูกควบคู่ไปกับการมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ทำให้ทั้งสองสิ่งมีความสมดุลกันขึ้นในตัวของลูก
7.พ่อแม่ควรจะใช้วิธีการลงโทษให้เหมาะสม ทฤษฏีของโคเบอร์ก กล่าวว่า เด็กอายุ 1-7 ปี การทำโทษทางกายยังใช้ได้ดี เพราะทำให้เกิดการเรียนรู้ การตีเด็ก ควรตีเพราะสั่งสอนมิใช่เพราะโกรธ
8.การฝึกวินัยให้ลูกเป็นสิ่งจำเป็น ควรเริ่มทำในเมื่อลูกโตพอที่จะเข้าใจเหตุผล การยัดเยียดให้เด็กมีระเบียบวินัยมากเกินไปในขณะที่เด็กยังไม่พร้อม จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะจะทำให้เด็กต่อต้าน เอาแต่ใจ
9.พ่อแม่ควรสร้างสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้ลูกเกิดความอยากรู้อยากเห็นและเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
10.พ่อแม่ควรช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ทีจะอยู่กับผู้อื่นอย่างมีความสุข โดยเฉพาะในเด็กวัยเดียวกัน เพื่อให้เด็กได้ปรับตัวเข้ากับสังคม และอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
ผลของการเลี้ยงลกแบบประชาธิปไตย เด็กจะมีลักษณะ ดังนี้
- จะเป็นคนเปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุผล
- มีความรับผิดชอบ
- มีอารมณ์ขัน ร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี
- เรียนรู้อะไร ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- สามารถปรับตัวได้ดี และกล้าแสดงออกอย่างมั่นใจ
- สามารถช่วยเหลือตนเองและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
- มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง
- มีลักษณะของการเป็นผู้นำที่ดี
- ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นได้ดี มีความมั่นคงทางอารมณ
- มีความเข้าใจตนเองสูง และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
- รู้จักใช้เหตุผล เคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น
👯กลุ่มที่ 4 การอบรมเลี้ยงดูเด็กแบบรักถนอมมากเกินไป
สรุป
1.คอยชี้แนะช่วยเหลือเพื่อนตลอดเวลา
2.ไม่ยอมให้ลูกเล่นกับเพื่อนๆ เพราะกลัวลูกจะถูกรังแก
3.ไม่ยอมให้เด็กกินอาหารเอง เพราะกลัวจะทำเลอะเทอะ
4.มักช่วยลูกทำการบ้านเสมอ
5.ไม่ยอมให้ลูกกินอาหารหรือขนม จนกว่าพ่อแม่จะได้ชิมเสียก่อน
6.เมื่อลูกเจ็บป่วยเล็กน้อย พ่อแม่จะวิตกกังวลมาก
7.ไม่ยอมให้ลูกได้ช่วยตนเองเวลาทำงานต่าง ๆ
ผลของการเลี้ยงดูแบบรักถนอมมากเกินไป เด็กมีลักษณะดังนี้
- เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตนเอง ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่นในตนเอง
- คอยพึ่งพาผู้อื่นอยู่เสมอ พึ่งตนเองไม่ได้
- ไม่สามารถจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง ปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้ยาก
- มีแนวโน้มสุขภาพจิตเสีย และมีอาการทางประสาท
อาจารย์บาสได้มอบหมายงานให้ทำเป็นกลุ่มในเรื่องของ 8 คุณธรรมพื้นฐาน นำเสนอในรูปแบบสื่อ นิทาน เกมต่างๆ ที่สอดคล้องกับเด็กปฐมวัย เพื่อนำเสนอในสัปดาห์ถัดไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น